รอยสิว คืออะไร แก้ยังไงได้บ้าง?

รอยสิว คืออะไร แก้ยังไงได้บ้าง?

รอยสิวคืออะไร

            เรื่องของสิวคงเป็นปัญหาของใครหลายๆคน การเป็นสิวนั้นนอกจากความเจ็บปวดที่เราจะได้รับเวลาที่สิวขึ้นแล้ว ยังทำให้เราสูญเสียความมั่นใจอย่างมากเมื่อต้องเข้าสังคม หรือต้องพบเจอผู้คน ในขณะที่มีสิวขึ้นอยู่บนหน้าเรา แต่ยิ่งไปกว่านั้นความน่ากลัวที่สุดของสิว จริงๆแล้วคือ รอยสิว หลังจากที่หัวสิวมันหลุดไปแล้วต่างหาก ที่จะทำให้เรารู้สึกเสียความมั่นใจที่สุด เพราะรอยสิวเหล่านี้บางครั้งจำเป็นต้องใช้เวลานานมากๆในการรักษา 

            รอยสิว ก็คือร่องรอยที่เกิดจากการอักเสบของสิวซึ่งจริงๆแล้วเป็นปฏิกิริยาแบบเดียวกับการเป็นฝีหรือหนองนั่นเองแหละครับ  และหากไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้องหรือทันท่วงที ปล่อยให้อักเสบไว้นานมากๆ นอกจากที่สิวจะลามไปทั่วใบหน้าของเราแล้ว ยังทำให้เกิดปัญหารอยสิวตามมาอีกด้วย ซึ่งรอยสิวก็จะมีทั้งแบบเป็นหลุม ทั้งดำ มากไปกว่านั้นหากคนที่เป็นสิวชอบที่จะ บีบ แคะ แกะ เกา บริเวณสิวที่อักเสบเหล่านั้น จะยิ่งทำให้ความรุนแรงของรอยสิวยิ่งเพิ่มเป็นทวีคูณเลยครับ เพราะผิวหนังหรือเนื้อเราบริเวณนั้นในช่วงที่เป็นสิวก็อักเสบมากพออยู่แล้ว การแคะ แกะ เกาจึงยิ่งเป็นการทำให้ผิวหน้าเราบริเวณนั้นบอบช้ำยิ่งกว่าเก่า จึงเป็นสาเหตุของการเกิดรอยสิวต่างๆที่ไม่พึงประสงค์ตามมาครับ

รอยสิวมีกี่ประเภท

            อย่างที่เราได้ทราบกันไปคร่าวๆแล้วว่ารอยสิวมีความน่ากลัวแค่ไหน คราวนี้เราไปดูกันดีกว่าว่ารอยสิวมีกี่ประเภท และเกิดจากอะไรกันบ้างดีกว่าครับ

1.รอยสิวที่เป็นหลุมลงไป

      รอยสิวแบบนี้มักจะพบเห็นได้เป็นส่วนมากของคนที่มีปัญหาสิวครับ โดยเฉพาะคนที่มีอาการแพ้อันเกิดจากการที่สิวลุกลามไปทั่วใบหน้า โดยการเกิดรอยสิวแบบนี้นั้น เกิดจากตอนที่มีสิวอักเสบขึ้นบนใบหน้า ซึ่งในการอักเสบของสิวจะเข้าไปทำลายเนื้อเยื่อ คอลลาเจน ในชั้นผิวหนังแท้ทำให้เป็นรอยบุ๋มหรือหลุมลึกลงไปครับ

2.รอยสิวที่เป็นเนื้อนูนขึ้นมา

       การเกิดรอยสิวแบบนี้มักจะพบได้ในจุดที่มีการสมานแผลเร็วอย่าง จมูก คาง และบริเวณขากรรไกรครับ เพราะหลังจากที่เกิดการอักเสบของสิวแล้ว ผิวหนังบริเวณนั้นจะเกิดการซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอโดยอัตโนมัติ แต่เกิดการผิดปกติของการซ่อมแซมที่เร็วเกินไปขึ้น จึงทำให้เกิดรอยสิวที่นูนขึ้นมาครับ เหมือนกับการเติมจนมากเกินไปครับ

3.รอยสิวที่เป็นรอยดำ รอยแดง

       นอกจากรอยสิว 2 ข้อด้านบนแล้ว ยังมีรอยสิวอีกแบบที่จะเป็นเรื่องของการเปลี่ยนแปลงของสีผิว ส่วนใหญ่จะพบว่ามีการเปลี่ยนแปลงไปเป็นสีดำ และสีแดงรองลงมา  รอยสิวชนิดนี้มักเกิดจากการที่มีการแคะ แกะ เกาสิวนะครับ เพราะ ไม่ว่าจะเล็บหรือความแรงที่เรากดลงไป จะทำให้ผิวหน้าของเราเกิดการอักเสบได้ง่ายขึ้น จึงเกิดเป็นรอยคล้ำดำแดงตามมาครับ หน้าเรานะครับผิวมันบางมาก เพราะฉะนั้นถ้าเป็นไปได้ อย่าทำร้ายมันเลยครับ

สารที่ช่วยลดการเกิดรอยสิว

        หลังจากที่พวกเรารู้จักกับชนิด และสาเหตุของการเกิดรอยสิวกันมาพอสมควรแล้ว เรามารู้จักกับการดูแล รักษารอยสิวกันบ้างดีกว่าครับ เพราะบางครั้งเราก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ครับที่จะเกิดปัญหาของรอยสิวเหล่านี้ การเรียนรู้ที่จะจัดการกับปัญหาจึงเป็นทางเลือกที่ดีอีกทางหนึ่งครับ

1.เอนไซม์ปาเปนและโคโมปาเปน

          สารชนิดนี้มีความสามารถในการย่อยโปรตีนจึงช่วยลดอาการอักเสบของผิวหนังของเราได้ และสารชนิดนี้ยังสามารถกระตุ้นให้เกิดการสมานแผลได้เร็วขึ้นด้วยครับ สารชนิดนี้สามารถพบได้ในมะละกอสุกนะครับ เหมาะกับผู้ที่เป็นรอยสิวแบบหลุม

2.สารไกลโคไซด์

       สารชนิดนี้มีความสามารถในการช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระได้เป็นอย่างดี นอกจากนั้น ยังช่วยในการเสริมสร้างคอลลาเจนให้กับผิวหนังเราด้วย หากเป็นรอยสิว ประเภทรอยดำ รอยแดง สารชนิดนี้จะช่วยได้มากครับ สามารถพบได้ในใบบัวบก

3.กรดผลไม้หรือ AHA

       สารชนิดนี้สามารถพบได้ในมะนาว การทำงานของสารชนิดนี้จะมีฤทธิ์เป็นกรดอ่อนๆ และยังมีสารต่อต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งจะเหมาะมากๆ สำหรับผู้ที่มีรอยสิวแบบรอยแดง รอยดำครับ

4.วิตามินเอ

       วิตามินเอ มีความสามารถในการเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับผิวอย่างมากครับ เพราะฉะนั้น จะเหมาะมากๆ กับผู้ที่มีผิวอักเสบเกิดขึ้นบ่อย เพราะ ถ้าผิวหนังของเรายืดหยุ่นได้ดีขึ้น โอกาสที่แผลที่เกิดจากสิวจะลุกลามก็จะน้อยลงตามไปด้วยครับ

5.วิตามินซี

       วิตามินซีคงรู้จักกันดีอยู่แล้ว ว่าเป็นสารแห่งความเปรี้ยวในผลไม้ แต่นอกจากนั้นยังมีความเป็นกรดอ่อนๆที่จะช่วยในการกัดสีของผิวที่ไม่สม่ำเสมอ อันเกิดจากรอยสิวให้กลับมาดีเหมือนเดิมได้ด้วยครับ มักพบได้ทั้งในผลไม้ และผลิตภัณฑ์สกินแคร์ที่ผสมวิตามินซี อย่างเช่น เซรั่มวิตามินซี เป็นต้น

         สำหรับสาวๆคนไหนที่กำลังมีปัญหาหนักมากๆในเรื่องของรอยสิว ผมอยากเป็นกำลังใจให้ครับ ทุกอย่างจะกลับมาดีเหมือนเดิมได้แน่ๆครับ ถ้าเรารู้จักศึกษาหาข้อมูลและทำความเข้าใจมันครับ เพราะหากเรารู้ถึงสาเหตุของปัญหา รวมถึงวิธีแก้ปัญหาแล้วคงจะไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไปแล้วจริงไหมครับ ในการแก้ปัญหา ขอให้มีความพยายามเชื่อว่าสาวๆทุกคนจะกลับมาผิวสวยหน้าใสได้เหมือนเดิมครับ

บทความที่เกี่ยวข้อง